นายสมพล คุ้มพ่วงดี อดีตผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาจันทบุรี ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ด้านการบริหารจัดการน้ำ เปิดเผยว่า จากการติดตามเรดาห์อากาศเพื่อดูการเคลื่อนตัวของพายุไต้ฝุ่น "โนรู" พบว่า ทิศทางการเคลื่อนตัวจะส่งผลกระทบทำให้มีฝนตกในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ ในส่วนของจังหวัดจันทบุรีและพื้นที่ภาคตะวันออก ในวันที่ 29-30 กันยายนนี้ อาจได้รับผลกระทบบ้าง ตามแนวเขาและชายฝั่ง แต่ไม่ถึงกับหนักมาก เป็นห่วงเรื่องปริมาณน้ำฝนมากกว่าเรื่องลมพายุ แต่เตือนต้องเฝ้าติดตามพยากรณ์อาการและการแจ้งเตือนอย่างใกล้ชิด
ขณะที่นางภาสินี สุวรรณเจริญ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี ลงพื้นที่พร้อมกับรองนายกเทศมนตรีเมืองจันทบุรี เพื่อดูความพร้อมของเครื่องสูบน้ำ ให้มีความพร้อมเตรียมรับมือ หากพบว่ามีฝนตกหนักในเขตพื้นที่อำเภอเมืองจันทบุรี การระบายน้ำจะสามารถทำได้รวดเร็ว ปัจจุบันทาง ปภ.จังหวัด และ ปภ.เขต 17 ได้มีการติดตั้งเครื่องระบายน้ำแล้วทั้งสิ้น 5 ตัว ตามจุดต่างๆของอำเภอเมืองจันทบุรี คือ ทุ่งนาเชย สะพานบ้านมั่งคง พระยาตรังซอย 6 หน้าโรงแรมอิสเทิร์น และชุมชนย่อยที่ 6 เทศบาลเมืองจันทบุรี เพื่อเร่งพร่องน้ำหากมีปริมาณน้ำมาก สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม พร้อมแจ้งเตือนประชาชนผ่านช่องทางต่างๆในการรับมือ
ด้านนายกิจฐพร โชติสุวรรณ์ นายกเทศมนตรีเมืองจันทบุรี บอกว่า ตอนนี้เทศบาลเมืองจันทบุรี เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ในการเตรียมรับมือพายุโนรู แม้ว่าแนวโน้มผลกระทบของพื้นที่จันทบุรีจะได้รับผลกระทบไม่มาก แต่ฝนที่ตกในรอบที่ผ่านมาทำให้ได้บทเรียนเรื่องการระบายในน้ำพื้นที่ ครั้งนี้จึงเตรียมพร้อมการตรวจเช็คเครื่องสูบน้ำ การลอกท่อระบายน้ำและเฝ้าระวังพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงอย่างคลองน้ำใส ที่รับน้ำจากเขตเทศบาลเมืองท่าช้างด้วย
ส่วนคลองภักดีรำไพ หรือ โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองจันทบุรี ปัจจุบันมีการเปิดประตูระบายน้ำทุกตอนของคลอง ตั้งแต่ปากคลอง กลางคลองและปลายคลอง เพื่อระบายน้ำออกสู่ทะเล ตอนนี้ยังเหลือพื้นที่รับน้ำ เพื่อเตรียมรับกับพายุไต้ฝุ่น "โนรู" ขณะที่เขื่อนหรืออ่างกักเก็บน้ำ ปัจจุบันมีการระบายน้ำออกตลอด แต่อยู่ในปริมาณที่ไม่กระทบกับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ท้ายเขื่อน มั่นใจว่าพายุไต้ฝุ่น "โนรู" ที่จะเข้ามาในพื้นที่ สามารถรับมือได้อย่างแน่นอน
