นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า รัฐบาลไทยร่วมกับรัฐบาลสาธารณรัฐอินเดีย ดำเนินงานโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ตามโครงการธรรมยาตราพระบรมสารีริกธาตุจากมหานทีคงคาสู่ลุ่มน้ำโขง จากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนืองในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ในระหว่างวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ถึง ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงกรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงใหม่ อุบลราชธานี และกระบี่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อว่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่ศาสนิกชนชาวไทย และประเทศเพื่อนบ้านจะได้ร่วมสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ที่เป็นองค์ดั้งเดิม ที่ค้นพบในสถูปโบราณ เมืองกบิลพัสดุ์ และเมืองสาญจี จากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงขอเชิญชวนศาสนิกชนร่วมรับขบวนการอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในส่วนกลาง วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลา ๑๖.๐๐ น. กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดริ้วขบวนอัญเชิญอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา โดยจัดเป็นขบวนโคม ขบวนการแสดง ๔ ภาค การแสดงกลุ่มชาติพันธุ์ การแสดงจากอินเดีย ขบวนธงชาติไทย ธงชาติอินเดีย ธงธรรมจักร และธงฉัพพรรณรังสี ขบวนโคมประทีปและโคมดอกบัว ขบวนรถมาฆบูชาประดิษฐานพระพุทธรูปปางแสดงโอวาทปาติโมกข์ รถบุปผชาติประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ขบวนเฉลิมพระเกียรติ และขบวนจิตอาสา เป็นต้น และในเวลา ๑๗.๐๐ น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในมีพิธีเปิดงาน และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ หลังจากนั้นเปิดให้ประชาชนเข้าสักการบูชา ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ - ๓ มีนาคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. ในส่วนภูมิภาค อัญเชิญไปประดิษฐานในส่วนภูมิภาคใน ๓ จังหวัด ให้ประชาชนได้เข้าสักการบูชา ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ ๕ - ๘ มีนาคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. ณ วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี และภาคใต้ ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ โดยในทุกวันตั้งแต่เวลา ๑๗.๐๐ น. เป็นต้นไป จะจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคลให้กับศาสนิกชนที่เข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ โดยแต่ละพื้นที่จะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ตามอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่อย่างยิ่งใหญ่
นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการ “การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดียมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เพื่อหลอมรวมพลังศรัทธาของศาสนิกชนชาวไทยทั่วโลก ซึ่งถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อพระพุทธศาสนา บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง แบ่งเป็นส่วนการจัดแสดงนิทรรศการความเป็นมาของพระบรมสารีริกธาตุ / การค้นพบพระบรมสารีริกธาตุ ณ เมืองปิปราห์วา รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย / สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล / การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ณ บรมบรรพต วัดสระเกศ และข้อมูลเกี่ยวกับพระธาตุที่นำมาจัดแสดงในประเทศไทย รวมถึงนิทรรศการเกี่ยวกับพุทธประวัติจากประเทศอินเดีย และส่วนของการจัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา พุทธศักราช ๒๕๖๗ ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ รวมถึงมีการเปิดศูนย์สร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ชมสาธิตการบรรยายธรรม กิจกรรมธรรมะบันเทิง โดยพระธรรมวิทยากรเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี การสาธิตผลิตภัณฑ์ชุมชนคุณธรรม ชมสินค้าของดีเขตกรุงเทพมหานคร สวดเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย และการแสดงภาพยนตร์ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมอีกด้วย” นายเสริมศักดิ์กล่าว
H.E. Mr. Nagesh Singh เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลไทย มีคำขอต่อรัฐบาลอินเดีย ในการขออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าและพระอัครสาวกสองพระองค์ คือพระสารีบุตรและมหาโมคัลลานะ ระหว่างวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ถึง ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗ โดยพระธาตุศักดิ์สิทธิ์จะเสด็จมายังประเทศไทย เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา ๖ รอบ หรือ ๗๒ พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในโอกาสอันน่ายินดีที่สุดนี้ ในนามของประชาชน รัฐบาลอินเดีย ขอแสดงความนับถือและความปรารถนาดีอย่างหาที่สุดมิได้ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงพระชนม์ชีพที่ยืนยาว ทรงมีพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ และทรงพระเกษมสำราญ ซึ่งการมาเยือนขององค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ ไม่บ่อยนักที่จะนำออกนอกประเทศ รัฐบาลอินเดียนำโดยนายกรัฐมนตรีนเรนทระ โมที ได้ตกลงที่จะส่งพระบรมสารีริกธาตุมายังประเทศไทย โดยคำนึงถึงความสำคัญสูงสุดในการเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อความสัมพันธ์อันใกล้ชิดดั่งญาติมิตรของระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในประเทศได้กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในการมีส่วนร่วมในทางธุรกิจ การเมือง การศึกษา และวัฒนธรรม Soft power ของประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าจะเป็นจุดหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์ในความสัมพันธ์ทวิภาคีอินเดีย-ไทย
ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการ สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐ กล่าวว่า งานมหามงคลนี้เกิดขึ้นจากสามัคคีธรรมของทุกฝ่าย ในการเชื่อมต่อพลังศรัทธาประชาชน ๒ ภูมิภาคจากลุ่มแม่น้ำคงคา คือ สาธารณรัฐอินเดีย ถิ่นกำเนิดพระพุทธศาสนา สู่ลุ่มแม่น้ำโขง คือ ไทย กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งเป็นดินแดนพระพุทธศาสนาประดิษฐานอยู่อย่างมั่นคง โดยมีต้นทางคือสถาบันโพธิคยาฯ จัดโครงการธรรมยาตราพระบรมสารีริกธาตุ มหานทีคงคา ลุ่มน้ำโขง ขึ้น มีรัฐบาลไทยโดยกระทรวงวัฒนธรรม กรมการศาสนา เป็นผู้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมพระอรหันตธาตุพระอัครสาวก พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ มีผู้แทนระดับสูงจากรัฐบาลอินเดียเป็นผู้อัญเชิญมา ด้วยการประสานงานจากสถานทูตอินเดียประจำประเทศไทยอย่างใกล้ชิด จึงควรถือโอกาสนี้นำธรรมวิชัยจากแดนพุทธภูมิมาสร้างศาสนาธรรมให้ปักหลักมั่นคง ด้วยการนำคำสอนขององค์พระศาสดาซึ่งคือปริยัติธรรม นำมาปฏิบัติ เพื่อให้เกิดปฏิเวธธรรม มีความเข้าใจและเข้าถึงธรรมะได้จนสามารถยกระดับจิตใจให้ทุกคนในแผ่นดินลุ่มน้ำโขงได้มีความสุขกับการใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่เบียดเบียนกัน รู้จักคำว่าอภัยและรับรู้ลมหายใจให้มากที่สุด เพื่อสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงธรรมะให้เกิดขึ้น
เพื่อสืบทอดความรัก ความสามัคคี และสร้างสันติสุขโดยธรรมให้เกิดขึ้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรมการศาสนา www. Dra.go.th และสายด่วนวัฒนธรรม ๑๗๖๕.
Cr : พระลาน