นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ให้การต้อนรับ นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) พร้อมคณะสื่อมวลชน ในการลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานของ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ซึ่งเป็น 1 ใน 6โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ก่อตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2524 ตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ปัจจุบันดำเนินการภายใต้แนวคิด “การพัฒนาจากยอดเขา สู่ท้องทะเล” ที่มุ่งฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติควบคู่กับการพัฒนาอาชีพประชาชนอย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน ศูนย์ฯ ถูกยกให้เป็น “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต” และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านนิเวศวิทยาระดับประเทศ ดำเนินต่อเนื่อง ในการฟื้นฟู สิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ให้มีอาชีพอย่ามั่นคง

ทางด้านนางกัญญารัตน์ สุนทรา ผู้อำนวยการศูนย์ฯ กล่าวถึงข้อมูลการดำเนินงานของ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน เพื่อแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของชายฝั่งและป่าชายเลน โดยดำเนินงานครอบคลุมพื้นที่ 33 หมู่บ้าน ใน 2 อำเภอ 4 ตำบลของจังหวัดจันทบุรี ร่วมกับกรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหลักการพัฒนาเชิงระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ พื้นที่ดินตะกอนชายฝั่ง ไปจนถึงทรัพยากรทะเล รวม 40 โครงการ แบ่งเป็นด้านแห่งน้ำ การเกษตร สิ่งแวดล้อมล้อม การคมนาคม โดยทำงาน ทั้งการศึกษา ทดลอง วิจัย และสาธิต เพื่อฟื้นฟูป่าชายเลน และสร้างรายได้เกษตรกรในพื้นที่ และยังคงมุ่งถ่ายทอดองค์ความรู้

จากนั้น คณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ชมงานการผลิตพันธุ์สัตว์น้ำชายฝั่ง เพื่อเพิ่มทรัพยากรธรรมชาติและส่งเสริมอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจ เช่น ปลาการ์ตูน ปลากะพงขาว และหอยชักตีน

ทั้งนี้การเพาะเลี้ยงปลาการ์ตูน ซึ่งเป็นปลาสวยงามได้ ที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงของบุคคลทั่วไป โดยทางฝ่ายผลิตพันธุ์สัตว์น้ำชายฝั่ง ได้ทำการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์ปลาการ์ตูนที่ปกติจะมีสีส้มแดงดำและเหลืองแต่ได้พัฒนาให้มีสีดำกับขาวสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มงานประมงในการอนุบาลและเพาะพันธ์ปลาการ์ตูนสายพันธุ์ สโนว์สตอม แบล็กสโนว์ ที่มีมูลค่าสูงกว่าสายพันธุ์ทั่วไป หรือที่รู้จัก นี่โม่ หรือสายพันรพันธุ์ ส้มขาว ซึ่งการเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูนได้สำเร็จของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในครั้งนี้ จะเป็นการช่วยลดการจับปลาการ์ตูน ในธรรมชาติได้

นอกจากนี้ยังมีการเพาะเลี้ยงหอยชักตีนหรือหอยสังข์กระโดด ซึ่งเป็นหอยที่หากินอยู่พื้นบ่อ ซึ่งในอนาคตจะได้ขยายการเพาะเลี้ยง ไปสู่ประชาชนที่สนใจเพื่อสร้างรายได้ในอนาคตต่อไป

นอกจากนี้แปลงสาธิตเกษตรผสมผสาน ฟื้นฟูพื้นที่ดินเสื่อมโทรมริมชายฝั่งให้กลับมาใช้เพาะปลูกได้ นับเป็นต้นแบบสร้างความมั่นคงทางอาหารของชุมชน ป่าชายเลนคุ้งกระเบน แหล่งอนุรักษ์ตามพระราชดำริ ที่เคยถูกบุกรุกจนเสื่อมโทรม แต่ปัจจุบันกลับมาอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งขยายพันธุ์สัตว์น้ำวัยอ่อน และจุดท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยคณะได้เดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางกว่า 1,600 เมตร พร้อมกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำคืนสู่ทะเล

จากนั้น คณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมงานเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเล ทั้งสาหร่ายพวงองุ่นและสาหร่ายผักกาดทะเล รวมถึงรูปแบบการเพาะเลี้ยงร่วมกับปูทะเลและปลากระบอก เพื่อสร้างระบบฟาร์มเชิงนิเวศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างรายได้ให้ชุมชนได้จริง

จากนั้น ได้เยี่ยมชม อาคารสิริพัฒนภัณฑ์ ศูนย์รวมสินค้าชุมชนและเครือข่ายผลิตภัณฑ์ศูนย์ฯ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระราชทานชื่ออาคาร หมายถึง “ผลิตภัณฑ์แห่งความเจริญอันเป็นมงคล” ภายในมีผลิตภัณฑ์เด่นของชุมชน ทั้งบะหมี่สาหร่าย ผงโรยข้าว เครื่องสำอางสาหร่ายทะเล กะปิแท้ น้ำปลาแท้ ผักปลอดสารพิษ และงานหัตถกรรมแม่บ้าน พร้อมสาธิตการทำอาหารจากผลิตภัณฑ์แปรรูป




